“โทนี่ บลูม” ชื่อนี้คงไม่ค่อยมีใครคุ้นหูกันนัก แต่ถ้าใครที่ศึกษาฟุตบอลอังกฤษแบบลึกๆ จะรู้ว่าเขาคนนี้ คือเจ้าของและผู้ถือหุ้นใหญ่ของสโมสร “ไบร์ทตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน” ทีมในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
แต่จะมีสักกี่คน ที่จะรู้ว่าเจ้าของ “เดอะ ซีกัลล์” นั้น ในอดีตคือ “ผีพนัน” ที่สร้างตัวมาจากวงการนี้ จนมีคนนับหน้าถือตามากมาย
“โทนี่” เข้าสู่วงการพนันตั้งแต่อายุ 8-9 ขวบ ด้วยการไปเล่นตู้สล็อทผลไม้ในร้านย่านเวลต์สตรีทกับเพื่อนๆ (ซึ่งถ้าเป็นเด็กไทย คงจะถูกพ่อแม่ลากกลับมาตีที่บ้านแน่นอน) และจุดเริ่มต้นนั้น ทำให้ “โทนี่” ได้ค้นพบตัวเองว่า เขาคือคนที่ชอบความเสี่ยง
ผมอยากเป็นนักพนันเพราะว่าผมสนุกกับมันมาก ผมอยากจะเจอกับวิธีที่เอาชนะ โดยที่ผมไม่ต้องเสียเงินของตัวเองเลยแม้แต่เเดงเดียว
หลังจากนั้น เมื่อเขาเติบโตขึ้น เขาจึงเลือกที่จะเดินทางนี้ และด้วยความที่เขาเป็นคนที่ตึงเครียดกับชีวิต และมีหน้าตาที่เงียบขรึม ทำให้เขาเริ่มเส้นทางแห่งนักพนันด้วยการเป็นนักเล่นไพ่โป๊กเกอร์
สำหรับเงินก้อนโต คุณย่อมมีความเสี่ยงที่จะแพ้
นี่คือวลีประจำตัวบองบลูมที่ทำให้เขาไม่กลัวที่จะเล่นหนักอย่างบ้าคลั่ง แต่นี่ก็ไม่ใช่คุณสมบัติเดียวของนักพนันที่ดี เหตุผลอีก 2 ข้อที่ทำให้ “บลูม” เก่งกาจขึ้นมาก็คือเขาเป็นคนที่เก่งมากทางด้านคณิตศาสตร์ และสิ่งนี้มีความจำเป็นในระดับหนึ่งสำหรับการเล่นโป๊กเกอร์ นอกจากนี้ทีเด็ดอีกอย่างคือ “โป๊กเกอร์เพซ” นั่นคือการเก็บสีหน้าได้อย่างมิดชิดไม่เปิดช่องให้คู่แข่งได้รู้ว่ากำลังถือไพ่อะไรและคิดอะไรอยู่
และนี่คือสิ่งที่พาเขาไปสู่แชมป์โลกของการแข่งขันโป๊กเกอร์ในระดับเมเจอร์ เมื่อปี 2007 ที่ออสเตรเลีย ได้รางวัลมาถึง 420,000 ดอลล่าร์ และในปี 2008 เขาก็ได้แชมป์โลกอีกครั้ง กวาดเงินรางวัลทุกรายการไปร่วม 1.5 ล้านปอนด์
โป๊กเกอร์จะช่วยให้คุณมีพื้นฐานที่ดีมากในการอ่านสถานการณ์ต่างๆ คุณจะตัดสินใจได้ง่ายขึ้นเวลาเจอเรื่องที่ยากต่อการฟันธง ทักษะเหล่านี้สามารถนำมาประยุกต์ใช้เกี่ยวกับการธุรกิจและฟุตบอล
คนส่วนใหญ่ ได้เงินมาขนาดนี้ คงจะหยุดแค่ที่วงการนี้ แต่ด้วยใจรักในฟุตบอลที่มีมาตั้งแต่เด็กของบลูม ทำให้เขาขยับมาเอาดีในด้านการหาเงินจากฟุตบอลหลังจากนั้น
“บลูม” ไม่ได้มองเฉพาะเเค่ฟุตบอลภายในประเทศอังกฤษเท่านั้น และทุกการเดิมพันเขาทำมันอย่างรอบคอบและลดความเสี่ยงให้น้อยที่สุด กล่าวคือเขาไม่เคยเอาเรื่องความรู้สึก ความรักความชอบ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการเลือกเดิมพันแต่ละครั้งเลย ฟุตบอลทุกลีกมีโอกาสสร้างกำไรทั้งหมด เพียงแต่ต้องผ่านการตัดสินใจและหาเหตุผลอ้างอิงจนน่าเชื่อถือมากพอ หลังจากนั้นเขาจึงเอาเงินลงไป เมื่อทุกอย่างถูกคำนวนทางคณิตศาสตร์มาเป็นอย่างดี ก็มีโอกาสน้อยมากที่เขาจะพลาด
นักพนันที่ฉลาดส่วนใหญ่จะอ่านข้อมูลเรื่องอาการบาดเจ็บสภาพทีมของแต่ละทีมให้มากที่สุด บางครั้งอัตราเดิมพันจะขยับให้เห็นเอง เมื่อนักเตะ 1-2 คนหายไปจากทีมชุดการแข่งขัน เมื่อผมได้วิเคราะห์จากสถานการณ์เหล่านี้เเล้วผมจะรู้ว่าฝั่งไหนที่ผมไม่อยากวางเดิมพันด้วย
แต่สิ่งที่บลูมพูดออกมานั้น เป็นเพียงแค่ 10% ของวิธีการที่เขารู้ทั้งหมด และสิ่งที่อดีตลูกน้องของ บลูม และพนักงานในบริษัท Starlizard ได้เผยถึงวิธีการเดิมพันของเจ้านายเก่าของเขาว่า
สภาพอากาศ ขวัญกำลังใจของทีม(ข้อมูลจากคนที่เรียกตัวเองว่า “วงใน”) จะถูกนำมาวิเคราะห์จนละเอียดเหมือนกับใช้กล้องจุลทรรศน์ส่องเลยทีเดียว
สิ่งหนึ่งที่น่าจะเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เส้นทางสายพนันของ “บลูม” ประสบความสำเร็จจนก้าวมาเป็นเจ้าของบริษัทที่ใหญ่โต นั่นก็คือเครือข่ายของเขาที่เป็นระดับ Professional ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นนักข่าวอาวุโส , ผู้เชี่ยวชาญของลีกนั้นๆ และสิ่งที่เขาอยากจะได้มากที่สุดก็คือเรื่องของ แผนการเล่น และ สภาพความมั่นใจของแต่ละทีม ซึ่งจากจุดนี้จะปรากฎในแต่ละเซสซั่นของการฝึกซ้อม ที่ไม่ใช่ทุกคนจะมีโอกาสได้เห็น
ผมไม่สามารถบอกคุณได้แบบละเอียดยิบย่อยขนาดนั้นหรอกนะ แต่สิ่งที่ผมรู้คือผมจะเห็นการเคลื่อนไหวของอัตราต่อรองที่จะเห็นชัดมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันที่ทีมใหญ่ๆ 2 ทีมลงเเข่งขัน
การเล่นพนันฟุตบอลด้วยเงินของตัวเองคือสิ่งที่เสียงต่อการ “หมด” ได้ง่าย และเขาเองก็รู้เรื่องนั้นดี สิ่งที่เขาเปลี่ยนไปจากนั้นคือเขาเริ่มหาความรู้เกี่ยวกับการพนันมากขึ้น และเเล้วเขาก็ได้ค้นพบกับสิ่งที่โลกตะวันตกยังไม่รู้จัก นั่นก็คือการพนันบอลแบบ “เอเชี่ยนเเฮนดิเเค็ป”(ราคาฟุตบอลประเภทต่อ ปป. ลูกครึ่ง หรือครึ่งควบสอง ที่ทุกคนคุ้นกันดี) และสิ่งนี้นี่เองที่เป็นช่องทางให้เขาเติบโตในวงการพนันอย่างรวดเร็ว
หลายๆ ครั้ง ทีมใหญ่ๆ หลายทีม ไม่สามารถยิงถึงราคาที่ตั้งไว้ ทำให้เหล่านักพนันที่เรียกกันว่า “ขาต่อ” เจ็บใจกันเป็นแถบๆ จนถามหาว่าใครกันหนอช่างเป็นคนที่ออกราคาได้แม่นยำขนาดนี้? ซึ่งคนๆนั้นคือ “บลูม” นั่นเอง เพราะเขาเคยเป็นเฮดใหญ่ของบริษัทพนันเเห่งหนึ่งในอินโดนีเซีย และเคยเดินทางมาทำงานที่เมืองไทยด้วย เพียงแต่ว่าไม่ได้มีการเปิดเผยว่า งานที่ว่ามีรายละเอียดอย่างไร
ผมเป็นคนที่ไม่ใช่ชาวเอเชียคนแรกที่เริ่มทำความเข้าใจถึง เอเชี่ยน แฮนดิแค็ป อย่างถ่องแท้ ผมเคยไปทำงานที่ประเทศไทย 7 เดือน และหลังจากนั้นก็ไปต่อที่ ยิบรอลต้า (อาณานิคมของอังกฤษที่อยู่ทางใต้ของสเปน) อีก 3 ปี
การออกราคาที่ทำให้นักพนันเสียเงิน และเอาเงินเข้าโต๊ะคือสิ่งที่ “บลูม” ทำในช่วงปี 2000 ว่ากันว่าเขามีสถิติทั้งหมดในมือ และสถิติดังกล่าวจะช่วยให้การออกราคาของเขาสมเหตุสมผลและยั่วนักพนันทั้งหลายให้ได้มากที่สุด โดยที่นักพนันไม่รู้ตัวว่ากำลังโดนหลอกด้วยราคานั้น เปรียบเสมือนการก่อกองไฟให้เหล่าแมงเม่าบินเข้าไป
ไม่ใช่แค่สถิติเท่านั้นที่ทำให้เขาเป็น Professional แห่งวงการ เนื่องจากเขามีพื้นฐานเป็นคนชอบดูฟุตบอลอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงให้เวลาดูเกมฟุตบอลแต่ละเกมเป็นจำนวนมากก่อนที่จะตัดสินใจว่า จากสายตาของเขาฟุตบอลคู่นี้ควรต้องออกราคาเท่าไหร่
หลังจากนั้น “บลูม” ก็ออกมาเปิดเว็บไซต์พนันเอง ชื่อว่า “พรีเมียร์เบ็ต” และแน่นอนว่าการเป็นเซียนในเรื่องของการออกราคาทำให้เว็บไซต์ของเขาประสบความสำเร็จอย่างมาก
ชีวิตนักพนันของ บลูม ถูกเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว จากนักเดิมพันสู่ผู้เชี่ยวชาญ จากผู้เชี่ยวชาญสู่ผู้ออกราคา และจากผู้ออกราคาเขากลายเป็นบ่อนพนันกีฬา(แบบถูกกฎหมาย) เสียเอง
ไม่มีทางเลยที่เรื่องแค่นี้จะหยุดเขาได้ บลูม มองไปอีกครั้งว่าการจะได้เงินนั้นมีหลายวิธี และเขามีวิธีในหัวที่สร้างความเสี่ยงน้อยกว่ามากกว่าการเป็นคนแทงหรือการเป็นโต๊ะเอง นั่นก็คือการเป็นผู้ให้คำแนะนำในการลงทุน
ในปี 2006 บลูม สร้างบริษัท Starlizard โดยบทบาทคือการเป็นที่บรึกษาและวิเคราะห์ให้ลูกค้าเพื่อได้มีเส้นทางการเลือกเดิมพันที่ฉลาดที่สุด และเพียงปีแรกที่เขาก่อตั้งเขาได้เงินมากถึง 13.8 ล้านปอนด์
หลังจากนั้น บลูม พยายามจะทำให้ Starlizard ยิ่งใหญ่เข้าไปอีก เขารวบรวมผู้เชี่ยวชาญทุกด้านมารวมตัวกันทั้ง มาร์ค ชูการ์แมน นักวิเคราะห์หลักทรัพย์คนดัง, อดัม แฟร้งก์ส นักบัญชีผู้มีอิทธิพล เพื่อมาเป็นทีมเดียวกัน
นอกจากนี้เขายังมีกูรูฟุตบอลกระจายตัวอยู่ทั่วโลกตามสโลแกน “นักเดิมพันมีอยู่ทุกที่ที่มีฟุตบอล” ของบริษัท พวกเขามีผู้เชี่ยวชาญทั้งในลีกของญี่ปุ่น,ออสเตรเลีย,ตุรกี,โรมาเนีย และอีกมากมาย ดังนั้นบริษัทของเขาจึงต้องทำงานกันตลอด 24 ชั่วโมงเพราะมีลูกค้าคอยตามความเคลื่อนไหวของฟุตบอลแต่ละลีกที่กล่าวมา โดยเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ ที่มีฟุตบอลเยอะ ออฟฟิศของเขาจะวุ่นวายมากเป็นพิเศษ
และเมื่อพนักงานต้องทำงานหนัก บลูม ไม่กลัวที่จะเปย์ให้ลูกน้องของเขาอย่างสมน้ำสมเนื้อ เขาจ่ายเงินแลกให้ลูกน้องมีความสุข และทุกสิ่งทุกอย่างมีบริการอย่างไม่ขาดตกบกพร่องไม่ว่าจะเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยต่างๆ พื้นที่สำหรับทำบาร์บีคิว ห้องฟิตเนสส์แบบครบครัน ห้องเซาน่า ครัวแบบเต็มรูปแบบอาหารฟรีทุกมื้อ ห้องเล่นเกม โต๊ะพูล หรืออะไรต่างๆที่คุณจะจินตนาการได้ เมื่อทั้งการจัดการทั้งทางเทคนิคและทางปฎิบัติสมบูรณ์แบบก็ทำให้ Starlizard ประสบความสำเร็จอย่างมากตามที่เราได้กล่าวไปข้างต้น
อ้อเผื่อคุณอยากจะรู้ว่าหนึ่งในรายชื่อลูกค้ารายใหญ่ที่สุดของ บริษัท Starlizard คือใคร? …. ว่ากันว่าก็เป็น โทนี่ บลูม นั่นเเหละที่เป็นลูกค้าชั้นดีของบริษัทตัวเอง
และในปี 2009 เขากำเงินส่วนตัว 93 ล้านปอนด์ ซื้อหุ้นของสโมสร “ไบร์ทตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน” ที่ในขณะนั้นยังอยู่ในศึก “โคคา-โคล่า ลีกวัน” และขึ้นเป็นเจ้าของและประธานสโมสรด้วยการเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่
แม้หลายคนจะมองว่าการเอาเงินเกือบ 100 ล้านปอนด์ มาทุ่มกับทีมระดับดิวิชั่น 3 จะดูเป็นการลงทุนที่สูงเกินไป แต่ “บลูม” คือคนไบร์ทตันโดยกำเนิด เกิดและโตที่นี่ ดังนั้นเขาจึงถือว่านี่เป็นการเล่นสนุกกับการตามฝันมากกว่าการมองเรื่องกำไรและขาดทุน และนอกจากนี้ยังเป็นการสืบสานตำนานของครอบครัวอีกด้วย เพราะลุงของเขาเคยเป็นผู้อำนวยการสโมสร และปู่ของเขาก็เคยเป็นรองประธานสโมสรในช่วงทศวรรษที่ ’70
ผมเป็นนักพนันและแฟนบอลมาตั้งแต่ 7 ขวบ ผมพยายามจะดันขีดศักยภาพทั้งสองด้านของตัวเองเสมอ
การเข้ามาของบลูมเริ่มต้นด้วยการเเต่งตั้ง “กุสตาโว่ โปเย่ต์” เป็นกุนซือ และหลังจากนั้น 2 ปี พวกเขาก็ได้ขึ้นมาเล่นในศึกเดอะเเชมเปี้ยนชิพ ลีกรองของประเทศ ซึ่งช่วงเวลาหลังจากนั้นเป็นการลองผิดลองถูกเพราะมีการใช้กุนซือหลายรายทั้ง “ออสการ์ การ์เซีย” และ “ซามี ฮูเปีย” จนกระทั่งในปี 2014 ก็ได้ “คริส ฮิวจ์ตัน” กุนซือจอมเลื่อนชั้นเข้ามาคุมทีม และก็พาทีมเลื่อนชั้นสู่ศึกพรีเมียร์ลีกได้สำเร็จในปี 2017
จากเงิน 93 ล้านปอนด์ในวันที่เขาเข้ามาเมื่อปี 2009 วันนี้ “เดอะ ซีกัลล์” ถูกตีมูลค่าถึง 195 ล้านปอนด์ (อันดับ 15 ของพรีเมียร์ลีก) ความสำเร็จดังกล่าวนี้ ถือเป็นการตอบข้อโต้แย้งทั้งหมดในตัวเขาอย่างสิ้นเชิง
Cr. ภาพ : Official BHAFC , Getty Images
Cr. ข้อมูล : Mainstand