เมื่อวันศุกร์ที่ 26 มิ.ย. 2563 ที่ผ่านมา ณ ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคไวรัส COVID-19 (ศบค.) “วรงค์ ทิวทัศน์” เลขานุการฝ่ายจัดการแข่งขัน และ “ไพฤทธิ์ ต้านไพรี” หัวหน้าฝ่ายควบคุมการแข่งขัน ในฐานะตัวแทนสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และ บ.ไทยลีก จำกัด พร้อมด้วยผู้แทนจากการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ได้เข้าประชุมร่วมกับ คณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการฯ เพื่อเข้ารับฟังแนวทางใน 3 ประเด็นสำคัญ ดังนี้
โดยทางคณะกรรมการฯ ได้ชี้แจงว่าสำหรับในส่วนของนักกีฬาหรือผู้ฝึกสอนต่างชาติ จะเข้าข่ายเป็น “แรงงานฝีมือ” ที่สามารถยื่นขออนุญาตหน่วยงานราชการเข้ามายังประเทศได้ โดยได้แนะนำให้ทางสมาคมฯ และกกท. ส่งรายชื่อไปยังกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อขอหนังสือรับรองเข้าราชอาณาจักร (Certificate of Entry – COE) ซึ่งสโมสรสามารถนำไปเป็นเอกสารประกอบในการติดต่อสถานทูตไทยประจำประเทศต่างๆ รวมทั้งใช้สำหรับการจองบัตรโดยสารเครื่องบิน หรือโรงแรมที่ผ่านการตรวจประเมิน Alternative State Quarantine (ASQ) โดยกระทรวงสาธารณสุข เพื่อกักตัวในสถานที่ดังกล่าวเป็นระยะเวลา 14 วัน และทำการตรวจหาเชื้อไวรัส COVID-19 เมื่อเดินทางเข้าประเทศไทย โดยหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องจะทำการประกาศหลักการรับคนต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม
นอกจากนี้ ทางคณะกรรมการฯ ยังได้มีการมอบหมายประเด็นสำคัญกับสมาคมฯ ได้แก่ การจัดเตรียมแนวทางการจัดแข่งขันเพื่อรองรับกรณีเมื่อภาครัฐปลดล็อคและอนุญาตให้แฟนบอลสามารถเข้าชมการแข่งขันในสนามได้ โดยจะต้องมีมาตรการทางสาธารณสุขในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ประกอบด้วย อีกทั้งยังระบุด้วยว่าสมาคมฯ ควรจัดเตรียมมาตรการในการตรวจเชื้อ COVID-19 สำหรับนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ทีมก่อนที่จะกลับมาแข่งขันในเดือนกันยายน โดยอาจจัดทำก่อนการแข่งขัน 1 เดือน ซึ่งปัจจุบันภาคเอกชนสามารถรองรับการตรวจเชื้อไวรัส COVID-19 แบบกลุ่ม (Pool testing) ที่สามารถตรวจพร้อมกันทีเดียว 10 คนในชุดตรวจเดียวได้ ซึ่งจะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายด้านการตรวจเชื้อของสโมสรอีกด้วย
แต่ทั้งนี้ จะต้องมีการประกาศคู่มือจัดการแข่งขันจากทางภาครัฐเสียก่อน จึงจะสามารถกลับมาแข่งขันได้
Cr. ภาพ : FAThailand.org