“พล.ต.อ.ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง” นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ แสดงความกังวลว่าสโมสรในไทยลีกแต่ละระดับจะมีมาตรฐานการปฏิบัติตามมาตรการตรวจเชื้อของ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 (ศบค.) ต่างกันจนอาจมีผลกระทบทั้งวงการ และเสี่ยงจะถูกระงับลีกชั่วคราวอีกครั้ง หรือต้องยุติการแข่งขัน
ทั้งนี้ การแข่งขันฟุตบอลไทยลีก จะกลับมาแข่งขันได้อีกครั้งในวันที่ 12 ก.ย. ตามที่มีมติตกลงกันไว้ในที่ประชุมฯ ซึ่งจะแข่งขันแบบสนามปิด พร้อมกับต้องปฏิบัติตามมาตรการของ ศบค. และคู่มือที่จัดทำมาอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อ และทุกสโมสรในไทยจะต้องทำการตรวจหาเชื้อ (Swab test) และดำเนินการตามขั้นตอนทุกอย่าง
โดย “บิ๊กอ็อด” ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า
ที่ผ่านมาสมาคมฯไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยเฉพาะการแข่งแบบปิดตามข้อบังคับที่ ศบค. ออกมาให้ต้องตรวจหาเชื้อ COVID-19 เวลา 72 ชม. ก่อนแข่ง เป็นเรื่องต้องใช้ค่าใช้จ่าย แต่เราได้รับความกรุณาจาก บ.ไทยเบฟเวอร์เรจ จำกัด(มหาชน) ว่ามีแลปตรวจ หากสโมสรใดประสงค์ส่งนักกีฬาไปตรวจก็จะคิดค่าใช้จ่ายต่ำกว่าบุคคลทั่วไป
นอกจากนี้เราได้เจรจากับบริษัทอื่นๆเพื่อลดค่าใช้จ่ายให้ได้มากที่สุด เบื้องต้นทางกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่านักฟุตบอลสามารถใช้สิทธิ์ 30 บาทรักษาทุกโรค (บัตรทอง) ได้ เพราะเป็นกีฬาที่ต้องปะทะกัน และมีผู้เล่นต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในไทยที่อาจเสี่ยงให้นักฟุตบอลไทยติดเชื้อจึงอยู่ในข่ายใช้สิทธิ์ได้ หากเป็นแบบนี้ภาระของสโมสรจะน้อยลง
แต่สิ่งที่น่าห่วงคือมาตรฐานของแต่ละสโมสรในไทยลีก 1-3 มีความปลอดภัยต่างกันที่จะปฏิบัติตามกฎของ ศบค. ยกตัวอย่างประเทศอังกฤษที่ระงับลีกล่างสองลีกเพราะตรวจพบนักเตะติดเชื้อ จึงพักการแข่งขันของลีกล่างในปีนี้
ผมจึงกังวลด้วยมาตรฐานที่ต่างกันจะเกิดขึ้นในประเทศไทยไหม หากเกิดแลวแพร่ระบาดในลีกล่าง หมายความว่า จะกระทบฟุตบอลทั้งระบบทันที นี่คือความเป็นห่วงว่า เราจะทำได้ไหม
ในการตรวจจะต้องตรวจก่อนการแข่งขันทุกแมตช์ในเวลา 72 ชม. และทุกคนที่เกี่ยวข้อง นี่คือสิ่งที่เรากังวลว่าสโมสรต่างๆจะทำได้ไหม หากพลาดหมายความว่าจะกระทบทั้งระบบ
Cr. ภาพ : FAThailand.org