เบลซัดเบิ้ลงามๆ!!! ชุดขาวอัดหงส์แดงคาเคียฟ 3-1 คว้าแฮตทริกแชมป์ UCL

“ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด สามารถคว้าแชมป์ได้เป็นสมัยที่ 13 หลังเอาชนะ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ไปด้วยสกอร์ 3-1 ในศึกฟุตบอล UEFA Champions League 2017/18 รอบชิงชนะเลิศ ที่สนามโอลิมปิก สเตเดี้ยม กรุงเคียฟ สาธารณรัฐยูเครน

โดยในเกมนี้ ในช่วงครึ่งเป็นไปอย่างสนุกสูสี จนทำให้ลิเวอร์พูลต้องเสียโควต้าเปลี่ยนตัวไป 1 คน จากอาการบาดเจ็บของ “โมฮัมเหม็ด ซาลาห์” กองหน้าตัวสำคัญ แต่ก็ยังไม่มีฝ่ายใดที่ทำสกอร์ได้ จบครึ่งแรกเสมอกันอยู่ 0-0

มาถึงในช่วงครึ่งเวลาหลัง ในนาทีที่ 51 กลายเป็นทางฝั่งเรอัล มาดริด ที่ได้ประตูขึ้นนำจากความผิดพลาดแบบไม่น่าเกิดขึ้นของ “ลอริส คาริอุส” ผู้รักษาประตูของลิเวอร์พูล และเป็น “คาริม เบนเซม่า” กองหน้าทีมชาติฝรั่งเศส ของเรอัล มาดริด ที่ฉกฉวยโอกาสนั้นทำประตูได้ ส่งให้เรอัล มาดริด ขึ้นนำ 1-0

แต่ในอีก 3 นาทีต่อมา “ซาร์ดิโอ มาเน่” กองหน้าทีมชาติเซเนกัล ได้โอกาสยื่นเท้าชาร์จบอลจ่อๆ จากลูกที่ “เดยาน ลอฟเรน” โขกตั้งมาให้ เข้าประตูไป พาลิเวอร์พูลตีเสมอได้สำเร็จเป็น 1-1

หลังจากนั้น ในนาทีที่ 64 “แกเร็ธ เบล” กองหน้าทีมชาติเวลส์ โชว์ความเหนือชั้นด้วยการตีลังกาวอลเลย์ด้วยเท้าซ้าย บอลเหินข้ามหัว “ลอริส คาริอุส” ผู้รักษาประตูลิเวอร์พูล เสียบใต้คานเข้าไปแบบเหนือชั้น ทำให้เรอัล มาดริด กลับขึ้นมานำอีกครั้งเป็น 2-1

และในนาทีที่ 83 “แกเร็ธ เบล” ได้โอกาสยิงไกลนอกกรอบเขตโทษในระยะเกือบ 35 หลา แต่การตัดสินใจที่ผิดพลาดอีกครั้งของ “ลอริส คาริอุส” ผู้รักษาประตูของลิเวอร์พูล ทำให้ลูกยิงไกลลูกนี้กลายเป็นประตูไปโดยปริยาย ส่งให้เรอัล มาดริด หนีห่างเป็น 3-1

หลังจากนั้น ทางฝั่งลิเวอร์พูล พยายามที่จะเอาประตูคืนเพื่อกลับมาสู่เกมอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่สำเร็จ จบเกมเป็นทางฝั่งของเรอัล มาดริด ที่เอาชนะไปได้ 3-1 คว้าแชมป์ UCL ได้เป็นครั้งที่ 13 และเป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกัน พร้อมคว้าสิทธิ์เป็นตัวแทนทวีปยุโรป เข้าไปแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก FIFA Club World Cup 2018 รอบรองชนะเลิศ ที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ในช่วงเดือน ธ.ค. ปีนี้อีกด้วย

https://twitter.com/ChampionsLeague/status/1000476726252769288

Cr. ภาพ : UEFA.com