LINE : @ufadb88vvip
ในการแข่งขันฟุตบอล AFC Asian Cup 2019 รอบสุดท้าย ในเดือนมกราคมที่จะถึงนี้ “ทัพช้างศึก” ทีมชาติไทย อยู่ในกลุ่ม A ร่วมกับ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (เจ้าภาพ) , อินเดีย และ บาห์เรน
เชื่อว่าแฟนบอลไทยหลายๆ ท่าน คงคิดว่าชาติที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่ม คือ เจ้าภาพอย่าง “ทีมชาติสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์” รองลงมาก็คือบาห์เรน ส่วนทีมชาติอินเดีย หลายๆ คน คงจะมองข้ามไปด้วยซ้ำ
วันนี้ เราจะมาพูดถึง “ทีมชาติอินเดีย” ที่แฟนบอลไทยหลายๆ คน มองว่าง่าย มาให้ดูกัน
อย่างที่เราทราบกันดี “เดอะบลู ไทเกอร์” แห่งอ่าวเบงกอลตัวนี้ แม้จะเป็นทีมที่ทำผลงานในฟุตบอลระดับภูมิภาค (เอเชียใต้) ได้อย่างโดดเด่น แต่เมื่อทีมชาติอินเดียออกไปเล่นในระดับทวีป พวกเขากลับทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวัง
ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือกโซนเอเชีย รอบที่ 2 (เอเชี่ยนคัพรอบคัดเลือก รอบที่ 2) ที่ผ่านมา พวกเขาทำผลงานได้น่าผิดหวัง ด้วยสถิติ ชนะ 1 แพ้ 7 ซึ่ง 1 ในความพ่ายแพ้นั้น คือนัดที่บุกไปแพ้ “ทีมชาติกวม” ไปด้วยสกอร์ 1-2
“กวม” คือประเทศเกาะเล็กๆ ในมหาสมุทรแปซิฟิก ที่มีประชากรเพียงแสนกว่าคน แต่พวกเขาสามารถเอาชนะ “ทีมชาติอินเดีย” ที่มีประชากรมากกว่าพวกเขาเกือบ 1000 เท่า
และด้วยผลงานที่ย่ำแย่นั้น ทำให้ “บลูไทเกอร์” จบในอันดับสุดท้ายของกลุ่ม และต้องไปเล่นในฟุตบอลเอเชี่ยนคัพ 2019 รอบเพลย์ออฟ เพื่อผ่านเข้าสู่รอบคัดเลือกรอบที่ 3 ด้วยการพบกับ “ทีมชาติลาว” ซึ่งพวกเขาก็ผ่านมาได้แบบไม่ยากเย็นนัก ด้วยการเอาชนะทั้ง 2 นัด เหย้า-เยือน ด้วยสกอร์ 7-1
แน่นอนว่าตำแหน่งผู้จัดการทีมของ “สตีเฟ่น คอนแสตนติน” กุนซือชาวอังกฤษของเขา อยู่ในภาวะ “เก้าอี้ร้อน” แบบหลีกเลี่ยงไม่ได้จากผลงานสุดย่ำแย่ แต่สมาคมฟุตบอลอินเดียก็ยังให้โอกาสเขาทำงานต่อไป เนื่องจากเจ้าตัวสามารถพาทีมคว้าแชมป์ฟุตบอล SAFF Suzuki Cup 2015 ที่พวกเขาเป็นเจ้าภาพ (ฟุตบอลชิงแชมป์ภูมิภาคเอเชียใต้) ด้วยการเอาชนะ “ทีมชาติอัฟกานิสถาน” ไปในช่วงต่อเวลาพิเศษ 2-1
และหลังจากนั้น ใครจะไปคิดว่า “ทีมชาติอินเดีย” จะทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมแบบผิดหูผิดตา ด้วยผลงานอันเพอร์เฟคในปี 2017 ที่ทีมชาติอินเดีย ไม้แพ้ทีมชาติใดเลยทุกรายการ และยังการันตีการผ่านเข้าไปเล่นในศึกเอเชี่ยนคัพ 2019 รอบสุดท้ายได้ในฐานะแชมป์กลุ่ม A ทั้งๆ ที่เหลือการแข่งขันอีกถึง 2 แมตช์
The scenes after India qualified for the AFC Asian Cup 2019. #BackTheBlue #AsianDream pic.twitter.com/mWuhE5Upll
— Indian Football Team (@IndianFootball) October 11, 2017
ยิ่งไปกว่านั้น ในปี 2017 ทีมชาติอินเดียยังสร้างเซอร์ไพร์ส ทำอันดับโลก FIFA World Rankings พุ่งขึ้นไปถึง 31 อันดับภายในเดือนเดียว ขึ้นไปอยู่ที่อันดับ 101 ของโลก สร้างความฮือฮาไปทั่วทั้งทวีปเอเชีย (ขณะนี้อยู่อันดับที่ 97) รวมไปถึงการอุ่นเครื่อง FIFA Day ที่สามารถเอาชนะ “ทีมชาติมอรีเชียส” และ “ทีมชาติเซนต์คิดส์ & เนวิส” ทำคะแนนแร็งกิ้งเพิ่มได้เป็นกอบเป็นกำ
ผลงานอันรุ่งโรจน์นี้ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า “สตีเฟน คอสแสตนติน” กุนซือชาวอังกฤษรายนี้ คือกุนซือยอดฝีมืออย่างแท้จริง ที่สามารถพาทีมชาติอินเดีย จากที่ไม่มีอะไรเลยในวันแรกที่เข้ามา กลายมาเป็นทีมท็อป 100 ของโลกในวันนี้ ด้วยการกล้าเปลี่ยนนักเตะเกือบยกแผงที่ทำผลงานล้มเหลว และดันนักเตะดาวรุ่งขึ้นมาแทนที่
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ยังมีใครคิดว่า “ทีมชาติอินเดีย” ง่ายอยู่มั้ยครับ
Cr. ภาพ : New Indian Express
