ไทย พบ สโลวะเกีย
แข่งขันวันที่ 25 มีนาคม 2561 เวลา 19.30 ที่สนามราชมังคลากีฬาสถานฯ
ถ่ายทอดสด : Thairath TV HD ช่อง 32
พบกันมา 1 ครั้ง
(ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 35 รอบชิงชนะเลิศ) 1 ธ.ค. 2547 ไทย 1-1 สโลวะเกีย (สโลวะเกียชนะจุดโทษ 5-4)
“ทัพช้างศึก” ทีมชาติไทย ที่นำมาโดยกุนซือชาวเซอร์เบีย “มิโลวาน ราเยวัช” ยังคงต้องรอเช็คอาการบาดเจ็บของ “มงคล ทศไกร” อีกครั้งว่าจะพร้อมเป็น 11 ตัวจริงในเกมนี้ได้หรือไม่ ในขณะที่สภาพร่างกายของบรรดาสามผู้เล่นที่ค้าแข้งในเจลีก อย่าง ธีรศิลป์ แดงดา ,ธีราทร บุญมาทัน และ ชนาธิป สรงกระสินธ์ น่าจะปรับตัวได้แล้ว และในเกมนี้ “โค้ชมิโล” ก็น่าจะยึดผู้เล่นชุดเดิมที่โดดเด่นในเรื่องเกมรับ ประตูเป็น กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ แผงหลังมี ฟิลิป โรลเลอร์ ,เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว ,พรรษา เหมวิบูลย์ ,พีระพัฒน์ โน้ตชัยยา แดนกลางใช้ จักรพันธ์ แก้วพรม จับคู่กับ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ แนวรุกคาดว่า มงคล น่าจะหายทันประตำการฝั่งขวา ธีราทร บุญมาทัน เดินเกมฝั่งซ้าย โดยใช้ ชนาธิป สรงกระสินธ์ เป็นหน้าต่ำอยู่ด้านหลังหัวหอกอย่าง ธีรศิลป์ แดงดา
ส่วน “สโลวะเกีย” ของกุนซือ “แยน โคซัค” อดีตตำนานทีมชาติสโลวะเกีย น่าจะมีขุมกำลังที่แกร่งขึ้น หลังมีเวลาปรับตัวกับสภาพแวดล้อมในเมืองไทย ซึ่งเกมนัดชิงชนะเลิศ ก็น่าจะใส่กับไทยแบบเต็มร้อยแน่นอน สำหรับตัวผู้เล่นนั้น นำมาโดยผู้รักษาประตูจาก นิวคาสเซิ่ล อย่าง “มาร์ติน ดูบราฟก้า” แผงแบ็คโฟร์ใช้ ปีเตอร์ เปการิก ,มาร์ติน สเคอร์เทล ,มิลาน สคริเนียร์ ,โธมัส ฮูโบคัน สามประสานแดนกลางนำโดย อ็องเดรจ์ ดูด้า ,อัลเบิร์ต รุสนัค และ พาทริก ฮโรซอฟสกี้ ในขณะที่สามแนวรุกน่าจะยังยึดชุดเดิมประกอบไปด้วย สตานิสลาฟ โลบอทก้า ,มิชาล ดูริส และ โรเบิร์ต มัค ยืนเป็นกองหน้าตัวเป้า