“ทัพอัศวินสีส้ม” ทีมชาติเนเธอร์แลนด์ สามารถผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ ในศึกฟุตบอล UEFA Nations League 2018/19 ได้สำเร็จ หลังเป็นฝ่ายเอาชนะ “ทัพสิงโตคำราม” ทีมชาติอังกฤษ ไปด้วยสกอร์ 3-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ หลังเสมอในเวลาปกติ 1-1 ในรอบรองชนะเลิศ ที่สนามเอสตาดิโอ ดิ อัลฟอนโซ่ เอนริเก้ เมืองกิมาไรซ์ ประเทศโปรตุเกส
โดยในเกมนี้ เป็นทางฝั่งของทีมชาติอังกฤษ ที่ได้ประตูขึ้นนำไปก่อน 1-0 ในนาทีที่ 32 จากจังหวะที่ “มัตไตจส์ เดอ ลิกจ์” เสียบสกัด “มาร์คัส แรชฟอร์ด” ล้มลงในกรอบเขตโทษ ทำให้ผู้ตัดสินเป่าเป็นจุดโทษทันที และเป็นแรชฟอาร์เอส ที่ลุกขึ้นมาสังหารเข้าไปไม่พลาด และจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์นี้
มาถึงในช่วงครึ่งเวลาหลัง ทีมชาติเนเธอร์แลนด์ พยายามเปิดเกมบุกอย่างหนักเพื่อที่จะเอาประตูคืน และในนาทีที่ 73 จากจังหวะที่ “เมมฟิส เดปาย” เปิดบอลเข้าไปให้กับ “มัตไตจส์ เดอ ลิกจ์” ที่โหม่งเข้าไป พาทีมชาติเนเธอร์แลนด์ตีเสมอเป็น 1-1
จากนั้นไม่นาน ในนาทีที่ 83 ทีมชาติอังกฤษเกือบได้ประตูขึ้นนำ จากจังหวะที่ “รอส บาร์คลีย์” จ่ายบอลทะลุช่องให้กับ “เจสซี่ ลินการ์ด” ยิงเข้าไป แต่ผู้ตัดสินยกธงล้ำหน้า ก่อนที่ผู้ตัดสินจะขอเข้าไปดู VAR และกลับมาปฏิเสธประตูตามเดิมเนื่องจากล้ำหน้าจริง พลาดโอกาสได้ประตูขึ้นนำไปอย่างน่าเสียดาย
หลังจากนั้นทั้ง 2 ฝ่ายพยายามที่จะเอาประตูเพิ่ม แต่ก็ไม่มีฝ่ายใดทำประตูได้ จบเกม 90 นาทีไปด้วยสกอร์ 1-1 ต้องต่อเวลาพิเศษอีก 30 นาที เพื่อหาผู้ชนะ
มาถึงช่วงต่อเวลาพิเศษ ในนาทีที่ 97 ทีมชาติเนเธอร์แลนด์มาได้ประตูขึ้นนำ 2-1 จากการสกัดเข้าประตูตัวเองของ “ไคล์ วอล์คเกอร์”
และในนาทีที่ 114 จากจังหวะที่ “เมมฟิส เดปาย” ผ่านบอลให้กับ “ควอนซี่ โพรเมส” ก่อนที่จะแปด้วยขวายิงเข้าไปง่ายๆ พาทีมชาติเนเธอร์แลนด์หนีห่างเป็น 3-1
หลังจากนั้นไม่มีประตูเพิ่ม จบเกมเป็นทางด้านของทีมชาติเนเธอร์แลนด์ เป็นฝ่ายเอาชนะไปได้ 3-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ
ทีมชาติเนเธอร์แชนด์ เข้ารอบชิงชนนะเลิศไปพบกับ “ทีมชาติโปรตุเกส” ในวันที่ 10 มิ.ย. เวลา 01.45 น. ที่สนามเอสตาดิโอ ดราเกา เมืองปอร์โต้ประเทศโปรตุเกส
ส่วนทีมชาติอังกฤษ จะเข้าไปชิงอันดับที่ 3 กับ “ทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์” ในวันที่ 9 มิ.ย. เวลา 01.45 น. ที่สนามเอสตาดิโอ ดิ อัลฟอนโซ่ เอนริเก้ เมืองกิมาไรซ์ ประเทศโปรตุเกส
https://twitter.com/uefaeuro/status/1136746198717652992?s=21
Cr. ภาพ : UEFA.com