“สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี แม้จะมีเรื่องราวดุเดือดไม่สู้ดีในทีมก่อนแข่งออกมามากมาย แต่ก็สามารถคว้าแชมป์ฟุตบอล UEFA Europa League 2018/19 ได้สำเร็จ หลังไล่ถล่ม “ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล ทีมเพื่อนร่วมชาติ ไปด้วยสกอร์ 4-1 ในรอบชิงชนะเลิศ ที่สนามโอลิมปิก สเตเดี้ยม กรุงบากู ประเทศอาเซอร์ไบจาน
โดยในเกมนี้ ช่วงครึ่งแรก ทั้ง 2 ทีม มีโอกาสหลายครั้ง แต่ยังไม่สามารถทำประตูได้ จบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์ 0-0
มาถึงในช่วงครึ่งหลัง เริ่มไปได้ไม่นาน ในนาทีที่ 49 จากจังหวะที่ “เอเมอร์สัน พัลไมรี่” เปิดบอลไปให้กับ “โอลิวิเยร์ ชิรูด์” โขกเน้นๆ เข้าไป พาเชลซี ขึ้นนำ 1-0 และเป็นการยิงทีมเก่าของตัวเองอีกด้วย
จากนั้น เชลซี ก็เริ่มเล่นแบบได้ใจมากขึ้นหลังจากได้ประตูแรก และในนาทีที่ 60 จากจังหวะ “มัตเตโอ โควาซิซ” ผ่านให้กับ “เอเดน ฮาซาร์ด” ก่อนจะครอสบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษให้กับ “เปโดร โรดิเกวซ” โฉบเข้ามายิงจังหวะเดียวเข้าไปไม่พลาด พาเชลซี หนีห่างเป็น 2-0
หลังจากนั้นอีกเพียงแค่ 4 นาทีต่อมา ในนาทีที่ 64 จากจังหวะที่ “ไอน์สลี่ย ไมต์แลนด์-นีลส์” ไปทำฟาวล์ใส่ “โอลิวิเยร์ ชิรูด์” ล้มลงในกรอบเขตโทษ ทำให้ผู้ตัดสินเป่าเป็นจุดโทษทันที และเป็น “เอเดน ฮาซาร์ด” ที่รับหน้าที่สังหารเข้าไปไม่พลาด พาเชลซีนำไกลเป็น 3-0
ทางฝั่งของอาร์เซน่อล ที่ถูกนำไปถึง 3 ประตู ก็ยังไม่ยอมแพ้ และในนาทีที่ 69 “อเล็กซ์ อิโวบี้” ได้จังหวะมาตามยิงซ้ำจากลูกที่ “ปิแอร์ เอเมริก โอบาเมยอง” ยิงพลาด เข้าประตูไป พาอาร์เซน่อล ตีไข่แตกไล่ตามมาเป็น 1-3
แต่ทางฝั่งของปืนใหญ่ ก็เฮได้แค่ไม่นาน ในนาทีที่ 72 จากจังหวะที่ “โอลิวิเยร์ ชิรูด์” ผ่านบอลมาทางซ้ายให้กับ “เอเดน ฮาซาร์ด” ยิงเข้าไปไม่พลาด พาเชลซี หนีห่างอีกครั้งเป็น 4-1
แม้ในช่วงเวลาที่เหลือ อาร์เซน่อล จะพยายามโหมเกมบุกเพื่อที่จะเอาประตูเพิ่ม แต่ก็ไม่สำเร็จ จบเกม เป็นทางด้านของเชลซี ที่เป็ฯฝ่ายเอาชนะไปได้ 4-1 คว้าแชมป์ฟุตบอล UEFA Europa League 2018/19 ได้สำเร็จ และเป็นสมัยที่ 2 ในประวัติศาสตร์สโมสร และเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์ของทัวร์นาเม้นต์ ที่สามารถคว้าแชมป์ได้แบบไร้พ่ายตลอดฤดูกาล จากการลงสนาม 14 นัด ชนะ 11 เสมอ 3
https://twitter.com/EuropaLeague/status/1133839105408811009
Cr. ภาพ : Getty Images