“เดอะ เรดสตริป” ฟุตบอลหญิงทีมชาติสหรัฐอเมริกา ผ่านเข้าไปป้องกันแชมป์อีกสมัย หลังเฉือนเอาชนะ “ทีมชาติอังกฤษ” ไปได้ด้วยสกอร์ 2-1 ในศึกฟุตบอล FIFA Women’s World Cup 2019 รอบรองชนะเลิศ ที่สนามสต๊าด เดอ ลียง เมืองลียง
โดยในเกมนี้ เป็นทางด้านของทีมชาติสหรัฐอเมริกาที่ขึ้นนำไปก่อน 1-0 ตั้งแต่นาทีที่ 10 จากจังหวะที่ “เคลลี่ โอฮาร่า” เปิดบอลจากทางขวา และเป็น “คริสเตียน พรีส” ที่โหม่งยัดเสาแรกเข้าไป
แต่หลังจากนั้นไม่นาน ในนาทีที่ 19 จากจังหวะที่ “เบธ มีด” ครอสบอลให้กับ “เอลเลน ไวท์” ก่อนที่จะชาร์จจ่อๆ เข้าไปไม่พลาด พาทีมชาติอังกฤษตีเสมอได้สำเร็จเป็น 1-1
และในนาทีที่ 31 กลายเป็นแชมป์เก่าที่ได้เฮอีกรอบ จากจังหวะที่พวกเธอได้จังหวะเปิดเกมบุกเข้าใส่ และเป็น “ลินด์เซย์ โฮราน” ครอสบอลให้กับ “อเล็กซ์ มอร์แกน” โหม่งเข้าไปไม่พลาด พาทีมชาติสหรัฐอเมริกาขึ้นนำ 2-1 ก่อนจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์นี้
ในช่วงครึ่งเวลาหลัง นาทีที่ 69 ทีมชาติอังกฤษเกือบได้ประตูตีเสมอ จากจังหวะที่ “เอลเลน ไวท์” ยิงเข้าไป แต่ผู้ช่วยผู้ตัดสินยกธงให้เป็นลูกล้ำหน้า ก่อนที่ผู้ตัดสินจะเข้าไปดู VAR และกลับมายืนยันคำตัดสินเดิมเนื่องจากมีผู้เล่นของอังกฤษยืนล้ำหน้าอยู่จริง
จากนั้นในนาทีที่ 81 ทีมชาติอังกฤษมาได้ลูกจุดโทษ จากจังหวะที่ “แบ็คกี้ ซอว์บรันน์” เข้าสกัด “เอลเลน ไวท์” กองหน้าของอังกฤษในกรอบเขตโทษ ทำให้ผู้ตัดสินเป่าเป็นจุดโทษทันที ก่อนที่ผู้ตัดสินจะเข้าไปดู VAR และกลับมายืนยันคำตัดสินเดิม และเป็น “สเตฟานี่ ฮิวจ์ตัน” ที่รับหน้าที่สังหาร แต่กลับยิงไปติดเซฟ “อลิสซา เนย์เฮอร์” ผู้รักษาประตูของสหรัฐอเมริกา พลาดได้ประตูตีเสมอไปอย่างน่าเสียดาย
และในนาทีที่ 86 ทีมชาติอังกฤษต้องมาเหลือผู้เล่น 10 คน จากจังหวะที่ “มิลลี่ ไบรท์” เข้าทำฟาวล์หนัก ทำให้ผู้ตัดสินควักใบเหลืองที่ 2 เป็นใบแดงไล่ออกจากสนามทันที และทำให้เธอหมดสิทธิ์ลงเล่นในเกมสุดท้ายอีกด้วย
หลังจากนั้นไม่มีประตูเพิ่ม จบเกมเป็นทางด้านของทีมชาติสหรัฐอเมริกา เป็นฝ่ายเฉือนเอาชนะไปได้ 2-1 ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศเป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกัน
ทีมชาติสหรัฐอเมริกา ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ ไปรอพบผู้ชนะระหว่าง “ทีมชาติเนเธอร์แลนด์” ที่จะพบกับ “ทีมชาติสวีเดน” ในคืนวันนี้ เวลา 02.00 น. (ตามเวลาไทย)
ส่วนทีมชาติอังกฤษ ต้องไปชิงอันดับที่ 3 ซึ่งจะรอพบผู้แพ้ในคู่ระหว่าง “ทีมชาติเนเธอร์แลนด์” ที่จะพบกับ “ทีมชาติสวีเดน” ในคืนนี้เช่นกัน
https://twitter.com/FIFAWWC/status/1146160156604096514
Cr. ภาพ : FIFA.com