“บิ๊กอ็อด” พล.ต.อ.ดร. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เปิดแถลงข่าวถึง 2 ประเด็นสำคัญหลังการประชุมร่วมกับสโมสรในไทยลีก 1 และ ไทยลีก 2 เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา
ประเด็นสำคัญของการแถลงข่าวในครั้งนี้ คือการประกาศปิดศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งชาติฯ หนองจอก เป็นการถาวร และเรื่องคดีความที่มีการฟ้องร้องกับ “บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน)” รวมไปถึงผู้บริหารชุดเก่า
โดย “บิ๊กอ็อด” ได้แถลงต่อหน้าสื่อมวลชนถึงเรื่องการปิดศูนย์ฝึกฯ หนองจอก ดังนี้
ศูนย์ฝึกหนองจอกตั้งอยู่บนที่ดินของสมาคมที่ได้รับการยกให้จากคุณวรวีร์ มะกูดี เมื่อวันที่ 16 พ.ย. 2554 รวม 15 ไร่ ที่ดินนี้คุณวรวีร์ได้แบ่งแยกมาจากที่ดินของตัวเองเมื่อวันที่ 29 ก.พ. 2551โดยทางศูนย์ฝึกฯและอาคารสำนักงานสมาคมฯได้สร้างบนที่ดินที่ไม่มีทางออกสู่สาธารณะ การเข้าออกต้องผ่านถนนคอนกรีตบนที่ดินของคุณวรวีร์เท่านั้น
ช่วงมกราคม 2561 สมาคมฯได้ทำหนังสือถึงวรวีร์เพื่อขอให้จดทะเบียนทางจำเป็นหรือภาระจำยอมที่ดินส่วนที่เป็นถนนภายใน 60 วันนับตั้งแต่วันที่รับหนังสือเพื่อให้เป็นทางเข้าออกของสมาคมฯ แต่ไม่ได้รับการตอบรับ สมาคมฯจึงจำเป็นต้องยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดมีนบุรี เพื่อให้ศาลมีคำพิพากษาให้ถนนคอนกรีตเป็นทางจำเป็นหรือเป็นภาระจำยอมสำหรับสมาคมใช้เป็นทางเข้าออก เมื่อ 28 ก.ย.2561 เป็นคดีหมายเลขดำที่ พ.1978/2561 และศาลนัดชี้สองสถานวันที่ 21 มกราคม 2562 โดยได้มีการปิดหมายศาล เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2561
ถ้าท่านจำได้ช่วงที่ผมสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกสมาคมผมได้ประกาศนโยบายชัดเจนว่าผมจะเข้ามาปรับปรุงแก้ไขการบริหารงานของสมาคมที่มีปัญหา และเข้ามาปรับปรุงแก้ไขสิ่งที่ไม่ถูกต้องในสมาคมให้ถูกต้องในทุกกรณี เวลาผ่านมา 2 ปี ผมถูกตำหนิ ถูกต่อว่าจากแฟนบอลหรือสื่อมวลชนว่าไม่มีการดำเนินการใดๆ หรืออาจจะเป็นการสมยอม เรื่องคดีความมันมีเงื่อนไขเวลาตามกฏหมาย บัดนี้ผมได้ทำในสิ่งที่เป็นการรักษาผลประโยชน์ของสมามฯ เป็นการรักษาผลประโยชน์ของมวลสมาชิก และรักษาผลประโยชน์ของคนไทย
จากนั้น พล.ต.อ.ดร. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ได้กล่าวต่อถึงเรื่องที่ 2 ที่เกี่ยวกับ “บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน)” ยื่นฟ้องสมาคมฯและสภากรรมการสมาคมฯ เป็นคดีแพ่งต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง หมายเลขคดีดำที่ทป79/2560 เมื่อ 27 มิ.ย.2560 ในข้อหาผิดสัญญาและเรียกค่าเสียหายรวมทั้งสิ้น 1,400 ล้านบาทเศษ ดังนี้
สืบเนื่องจากสมาคมฯได้พิจารณาเห็นว่าสัญญาที่สมาคมฯ มีต่อ บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) เป็นสัญญาที่ไม่เป็นธรรมกับสมาคมฯ ตอนที่สภากรรมการชุดปัจจุบัน เข้ามาดำรงตำแหน่งในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2559 สมาคมได้รับสำเนาสัญญาแต่งตั้งผู้บริหารสิทธิประโยชน์ ที่สมาคมเป็นคู่สัญญากับ บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคต จำกัด (มหาชน) โดยลงนามเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2556 มีกำหนดระยะเวลา 5 ปี โดยสัญญานั้นกำหนดค่าตอบแทนจากการบริหารสิทธิประโยชน์ให้สมาคม ในอัตราร้อยละ5 จากรายได้จากการบริหารสิทธิประโยชน์ทั้งหมด และทาง บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) มิได้จ่ายเงินค่าตอบแทนสิทธิประโยชน์แก่สมาคม คือไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขสัญญา
อีกกรณีคือเมื่อบริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) ฟ้องต่อศาลกลับนำสัญญาแต่งตั้งผู้บริหารสิทธิประโยชน์ลงวันที่ 8 ก.พ. 2556 ซึ่งมีอัตราค่าตอบแทนร้อยละ 50 มาฟ้องสมาคมฯ และเรียกค่าเสียหาย 1,400 ล้าน จะเห็นว่าสัญญามี 2 สัญญา คือ 1.สยามสปอร์ตจ่าย 5% และ 2.สยามสปอร์ตจ่าย 50% แต่ตั้งแต่ปี 2556 ไม่มีหลักฐานทางบัญชีปรากฏ ไม่มีหลักฐานใดๆปรากฏว่าสยามสปอร์ตได้มอบเงินตอบแทนค่าลิขสิทธิ์ซึ่งเป็นเงื่อนไขตามสัญญาให้สมาคมฯ จึงเป็นเหตุให้สมาคมฯ บอกเลิกสัญญาดังกล่าว
เมื่อสยามสปอร์ตฟ้องเรียกค่าเสียหาย สมาคมก็ต้องต่อสู้ว่าสยามสปอร์ตไม่ได้จ่ายค่าตอบแทนลิขสิทธิ์ให้สมาคมแต่อย่างใดเป็นเวลา 5 ปี จากการเบิกความของพยานทั้งสองฝ่ายในคดี สมาคมฯ ได้รับรู้ รับทราบข้อมูลอีกมากมาย ว่ายังมีความผิดที่ซ่อนอยู่และเป็นเรื่องที่สมาคมไม่เคยทราบมาก่อน จากการฟ้องร้องในคดีนั้นจึงก่อให้เกิดสิทธิ์หรือสิ่งที่สมาคมต้องรักษาประโยชน์ของวงการฟุตบอลอีกจำนวนมาก ซึ่งนำไปสู่การที่สมาคมฯ จะต้องฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากผู้บริหารสมาคมฯ ในคดี จากบริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคทเช่นกัน
ในเบื้องต้นที่ดำเนินการไปแล้วคือการร้องทุกข์กล่าวโทษคุณวรวีร์ มะกูดีที่ สน.ปทุมวัน เมื่อวันที่ 4 ต.ค. 2560 คดีหมายเลข 1 ก. เพื่อนำไปสู่การดำเนินคดีกับคุณวรวีร์ มะกูดี แต่จะเป็นคดีฉ้อโกงหรือยักยอกอยู่ในระหว่างที่ฝ่ายกฏหมายกำลังหารือว่าประเด็นใดจะไปเชื่อมโยงกับการฟ้องคดีแพ่งที่ผู้บริหารในอดีตรับหรือไม่รับค่าตอบแทนลิขสิทธิ์มาแบบถูกต้องหรือไม่ถูกต้องตามกฏหมาย ถ้าพิสูจน์ได้ว่าผู้บริหารในอดีตมีการรับค่าตอบแทนจากบริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท แต่มิได้เข้าบัญชีสมาคมฯก็จะเป็นอีกคดี ซึ่งเราจะดำเนินทุกคดี
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่ง ยังมีอีกหลายคดีจะต้องดำเนินการต่อไป วันนี้ผมเรียนทุกท่านว่ามีคนพยายามหรือกดดันให้ผมได้พ้นออกจากตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยในรูปแบบต่างๆ เพราะถ้าผมยังอยู่ตรงนี้ คดีความต่างๆก็เกิดขึ้นมากมาย ซึ่งเป็นหน้าที่ที่ผมให้คำมั่นสัญญาที่ให้กับทุกคนที่เลือกผมมา และทำตามคนไทยคนหนึ่งที่รักษาผลประโยชน์ต่อประเทศชาติ
จึงขอเรียนว่านับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ไม่ว่าจะมีเหตุการณ์น้อยใหญ่เกิดขึ้นกัยสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ทั้งการเปลี่ยนแปลงต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นในเร็ววันนี้ หรือผมการแข่งขันฟุตบอลในรายการต่างๆ จะออกมาอย่างไร จะเป็นผลเป็นเหตุให้ผมพ้นจากตำแหน่ง ผมจึงขอใช้เวทีนี้ประกาศเลยว่า ไม่ว่าจะด้วยเหตุใดผลใดก็ตาม ผมจะไม่ยอมลุกไปจากตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย จนหมดเทอม หรือ จนผมสามารถสะสางคดีความต่างๆให้หมดสิ้น เพราะผมไม่มั่นใจว่าคนที่จะมาแทนผมต่อจากนี้จะกล้ายืดหยัดสู้ตามหลักความจริงหรือไม่ หากในอนาคตผมต้องผันตัวไปทำหน้าที่สำคัญอื่นๆ ก็บอกไว้เลยว่าจะไม่ทิ้งตำแหน่งแน่นอน ตราบใดที่สโมสมาชิกให้ความไว้ใจผม ต่อจากนี้ไม่ว่าจะข่าวดี ข่าวร้าย กับวงการฟุตบอลจะไม่เป็นเหตุให้ผมถอดใจโดยเด็ดขาด
พล.ต.อ.ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ แถลงข่าวปิดศูนย์ฝึกฟุตบอลหนองจอก
由 ฟุตบอลทีมชาติไทย 发布于 2018 年 10 月 18 日 周四
Cr. ภาพ : FAThailand.org