เมื่อเวลา เวลา 12.00 น. ของวันที่ 17 ม.ค. ณ ห้องแถลงข่าวภายในสนามราชมังคลากีฬาสถาน AFC จัดงานแถลงข่าวเพื่อเตรียมพร้อมก่อนการแข่งขันฟุตบอล AFC U23 Championship 2020 รอบ 8 ทีมสุดท้าย คู่ระหว่าง “ไทย” พบกับ “ซาอุดิอาระเบีย”
โดยทีมชาติไทย มีทางด้านของ “อากิระ นิชิโนะ” หัวหน้าผู้ฝึกสอน เข้าร่วมแถลงข่าว ซึ่งได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า
ในฐานะที่เราเป็นเจ้าภาพ ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่สามารถพาทีมผ่านเข้ารอบน็อคเอาท์ได้ นักเตะทุกคนก็พยายามทำเต็มที่ และพยายามแบ่งหน้าที่กัน สุดท้าย เราก็ทำกันอย่างสุดความสามารถจนผ่านเข้ารอบน็อคเอาท์ ได้ตามเป้าหมาย
แน่นอนว่าเกมในรอบน็อคเอาท์ จะต่างจากรอบแบ่งกลุ่ม ทั้งความกดดันที่น่าจะมีขึ้น และเราจะต้องเจอกับ ซาอุดิอาระเบีย ซึ่งเราต้องยอมรับว่าเราเป็นรอง พวกเขาเป็นทีมที่มีความสามารถอยู่แล้ว สิ่งสำคัญคือเราต้องพยายามเล่นตามสไตล์ของตัวเอง นั่นก็คือเล่นให้รวดเร็ว เคลื่อนที่ตลอดเวลา และอีกคอนเซปต์ที่สำคัญก็คือการท้าทาย ที่ผ่านมา เราผ่านการท้าทายในรอบแบ่งกลุ่มมาได้แล้ว เราก็ต้องพร้อมที่จะท้าทายในระดับต่อไป
ที่ผ่านมา ก็รู้จักซาอุดิอาระเบีย และเข้าใจมาตลอด ว่าเขาจะใช้กองหลัง 4 คน เกมอุ่นเครื่องที่เจอกับเราก็ใช้แบบนั้น หลังจากนั้นก็ได้ติดตาม ก็เห็นว่าพวกเขาก็มีใช่หลัง 3 คนเช่น แสดงให้เห็นว่า ซาอุดิอาระเบีย มีความหลากหลายมาก ก็แสดงให้เห็นว่าพวกเขามีศักยภาพที่ดี
จากการเจอกับซาอุดิอาระเบีย มาตลอด เขามีกายภาพ และศักยภาพที่สูงกว่าเราอยู่แล้ว ซึ่งเราก็ต้องยกย่องซาอุดิอาระเบียในเรื่องนี้
จากแมตช์อุ่นเครื่องเมื่อต้นปี ทั้งสองทีมน่าจะมีการเปลี่ยนแปลง เพราะตอนนั้นเราเพิ่งเก็บตัว ส่วนซาอุดิอาระเบีย ก็เพิ่งเดินทางมาถึง ทั้งสองทีมต่างทดลองอะไรหลายอย่าง ทำให้เกมไม่ค่อยมีสปีดเท่าไหร่ ในทัวร์นาเมนต์ซาอุดิอาระเบียก็แสดงให้เห็นว่าเขาเพิ่มขึ้นจากตอนอุ่นเครื่อง เราก็ต้องรับมือให้ได้
ฝั่งเราก็เช่นกัน เราก็ทำได้เร็วขึ้น แต่ก็ยังเทียบเท่าซาอุดิอาระเบียไม่ได้ ซึ่งเราก็ต้องหาส่วนอื่นมาทดแทนให้ได้
แน่นอนว่าตลอดการคุมทีมมาหลายนัด แมตช์ที่ไม่เคยลืมก็คือการชนะซาอุดิอาระเบีย แต่มันก็ไม่ใช่ข้อได้เปรียบ เพราะซาอุดิอาระเบีย ก็มีคอนเซปต์ชัดเจน ทั้งความแข็งแกร่งทางร่างกาย และมีความหลากหลายในรูปแบบการเล่น ผมต้องกำชับนักเตะว่าต้องทำอะไรบ้าง ก็จะพยายามนำประสบการณ์ที่เคยเจอกับ ซาอุดิอาระเบีย มาถ่ายทอดให้นักเตะได้เข้าใจมากที่สุด
แน่นอนว่านักเตะชุดนี้ และชุดต่ำลงไป ไม่ค่อยมีประสบการณ์ในเวทีใหญ๋ ส่วนใหญ่เราจะเล่นในอาเซียน ไม่มีใครมีประสบการณ์ในเอเชีย รายการนี้ก็เป็นประสบการณ์ที่ดี ตัวผมเองก็ไม่ได้กระตุ้นอะไรเป็นพิเศษ แต่พยายามทำให้บรรยากาศในทีมออกมาดี ให้ทุกคนพยายามทำงานด้วยกัน เพื่อทำให้เราทำผลงานได้ดีขึ้น ซึ่งมันก็จะช่วยดึงศักยภาพของเราออกมา เพราะผมเชื่อว่าทุกคนมีความสามารถ ซึ่งนอกจากสร้างบรรยากาศแล้ว ก็พยายามบอกให้นักเตะตั้งเป้าหมายให้สูงไว้ก่อน
ฟุตบอล AFC U23 Championship 2020 รอบ 8 ทีมสุดท้าย ระหว่าง “ทีมชาติไทย” พบกับ “ทีมชาติซาอุดิอาระเบีย” จะแข่งขันในวันที่ 18 ม.ค. เวลา 17.15 น. ที่สนามมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต
Cr. ภาพ : FAThailand.org