“อัซซูรี่” ทีมชาติอิตาลี คว้าแชมป์ได้สำเร็จเป็นสมัยที่ 2 หลังเอาชนะ “ทัพสิงโตคำราม” ทีมชาติอังกฤษ ไปได้ในการดวลจุดโทษด้วยสกอร์ 3-2 หลังเสมอกันในเวลา 120 นาที 1-1 ในศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป (EURO 2020) รอบชิงชนะเลิศ ที่สนามเวมบลีย์ สเตเดี้ยม กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร
โดยในเกมนี้ เริ่มไปได้ไม่นาน เพียงแค่นาทีที่ 2 ทีมชาติอังกฤษได้เปรียบทุกด้าน ufa365 เป็นฝ่ายขึ้นนำไปก่อน 1-0 จากจังหวะลูกเตะมุมของ “แฮร์รี่ เคน” เปิดเข้ามาในกรอบ และเป็น “คีแรน ทริปเปียร์” ที่ผ่านบอลมาให้กับ “ลุค ชอว์” ยิงแบบฮาล์ฟวอลเล่ย์ด้วยซ้ายเข้าไป
หลังจากที่ได้ประตูขึ้นนำ ทีมชาติอังกฤษกลายเป็นฝ่ายที่ได้ครองเกมเหนือกว่าทุกด้าน แต่ยังเอาประตูเพิ่มไม่ได้ จบครึ่งแรกทีมชาติอังกฤษยังคงขึ้นนำอยู่ 1-0
มาถึงในช่วงครึ่งเวลาหลัง ในนาทีที่ 67 จากจังหวะที่ “โดเมนิโก้ เบราร์ดี้” เปิดเตะมุมเข้ามาในกรอบเขตโทษ แต่แนวรับของอังกฤษกลับสื่อสารกันพลาด บอลไปเข้าทาง “ลีโอนาร์โด้ โบนุชชี่” ที่เก็บบอลได้หน้าปากประตูก่อนซัดจ่อๆ เข้าไปง่ายๆ พาทีมชาติอิตาลีตีเสมอ 1-1
ในช่วงเวลาที่เหลือ ทั้ง 2 ทีมต่างเล่นคุมเชิงและรอสวนกลับ แต่ยังไม่มีทีมใดที่เอาประตูเพิ่มได้ จบเกม 90 นาที ทั้ง 2 ทีมยังคงเสมอกัน 1-1 ต้องต่อเวลาพิเศษออกไปอีก 30 นาที เพื่อหาผู้ชนะ
และในช่วงต่อเวลาพิเศษ 30 นาที ทั้ง 2 ฝ่ายมีโอกาสทำประตูอยู่หลายครั้ง แต่แนวรับของทั้ง 2 ทีมก็ยังคงทำหน้าที่ได้ดี จึงยังไม่มีประตูเพิ่ม จบ 120 นาที ทั้ง 2 ทีมเสมอกันไป 1-1 ต้องหาผู้ชนะด้วยการดวลจุดโทษตัดสิน
ในช่วงของการดวลจุดโทษตัดสิน เป็นทางด้านของทีมชาติอิตาลีที่แม่นกว่า ยิงพลาดไป 2 ครั้ง ส่วนทีมชาติอังกฤษ ยิงพลาดไป 3 ครั้ง ทำให้ทีมชาติอิตาลี เป็นฝ่ายเอาชนะไปได้ในช่วงการดวลจุดโทษด้วยสกอร์ 3-2 คว้าแชมป์ในปีนี้ไปครองสำเร็จ และเป็นแชมป์สมัยที่ 2 ในรอบ 53 ปี หลังจากที่พวกเขาคว้าแชมป์สมัยแรกได้ในปี 1968 ซึ่งเป็นปีที่อิตาลีเป็นเจ้าภาพ
https://twitter.com/EURO2020/status/1414344716477517825
https://twitter.com/EURO2020/status/1414345400232730624
Cr. ภาพ : UEFA.com