เมื่อเวลา 12.00 น. ของวันที่ 27 พ.ค. ณ ห้องประชุมชั้น 24 อาคารการกีฬาแห่งประเทศไทย ทางบริษัท ไทยลีก จำกัด ร่วมกับ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด จัดงานแถลงข่าว Meet the Warriors ก่อนเกมการแข่งขัน โตโยต้า ไทยลีก นัดที่ 13 ขึ้น
โดยภายในงาน ได้รับเกียรติจาก “พล.ต.อ.ดร. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง” นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เป็นประธาน ร่วมด้วย Mr.Benjamin Tan ที่ปรึกษาและผู้อำนวยการฝ่ายออกใบอนุญาตสโมสร พร้อมด้วยตัวแทนจากสโมสรชัยนาท ฮอร์นบิล, บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด, สมุทรปราการ ซิตี้, นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี, พีทีที ระยอง และ ชลบุรี เอฟซี เข้าร่วมในงานนี้
สำหรับงานในครั้งนี้ พล.ต.อ.ดร. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฯ ได้เป็นผู้มอบเงินรางวัล 1,000,000 บาท จากโครงการ Thais Strike Back ให้กับ “การท่าเรือ เอฟซี” ซึ่งส่ง จเด็จ มีลาภ หัวหน้าผู้ฝึกสอนของทีม และ “บดินทร์ ผาลา” นักเตะของทีม เป็นตัวแทนรับรางวัล
สำหรับนโยบาย THAIS STRIKE BACK เป็นนโยบายของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ในการช่วยยกระดับกองหน้าชาวไทย ให้พัฒนาตัวเองขึ้นมาทำประตูได้อย่างต่อเนื่อง โดยกฎเกณฑ์ ของทีมที่ได้เงินรางวัล จะต้องเป็นสโมสร ที่มีนักเตะชาวไทยทำประตูรวมกันมากที่สุด ในแต่ละรอบ โดยทั้งฤดูกาล จะแบ่งออกเป็น 6 รอบ รอบละ 5 นัด และใน 5 นัดดังกล่าวจะต้องมีจำนวนประตูรวมมากกว่า 8 ประตู หากมีทีมทำได้จะได้รับเงินรางวัล 500,000 บาท และหากยังไม่มีสโมสรไหนทำได้ตามเกณฑ์ เงินรางวัลจะถูกทบในรอบถัดไป
โดย พล.ต.อ.ดร. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง กล่าวว่า
ปัญหาที่มีมาตลอดในวงการฟุตบอลเรา ทั้งในอดีต ปัจจุบัน ซึ่งเป็นสิ่งที่กังวลว่าจะเกิดอนาคตข้างหน้าด้วยว่า ทีมชาติไทยจะขาดแคลนนักเตะกองหน้า และเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ ซึ่งเป็นสิ่งที่สมาคมฯ กังวลมาตลอด
จากการที่เรามีการประชุมกับทีมในไทยลีก 1 และ 2 ผมก็บอกผ่านตัวแทนสโมสรว่า เรากังวลว่าทีมชาติไทยจะไม่มีผู้เล่นกองหน้า และเซ็นเตอร์ฮาล์ฟที่ดี เพราะทุกสโมสรนิยมใช้ผู้เล่นต่างชาติในตำแหน่งนี้ เพราะพวกเขามีความสามารถ และรูปร่างสูงใหญ่ แต่เราก็ไม่สามารถเข้าไปก้าวล่วงได้ แต่ในต่างประเทศ ก็มีการกำหนดให้ทีมแต่ละทีมต้องส่งกองหน้าของชาติตัวเองลงเล่นบ้างว่าต้องลงกี่เกม
เราเข้าใจว่าสโมสรเสียเงินหลายร้อยล้านในการทำทีม ถ้าเราเข้าไปก้าวล่วง ก็จะทำให้เสียความสนุกในการแข่งขันไป แต่สมาคมฯ ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ พยายามคิดทุกวิธี คิดรูปแบบอะไรใหม่ๆ ขึ้นมา จนคิดว่า การที่เรามีเงินรางวัลให้สโมสร สำหรับทีมที่มีนักเตะไทยทำประตูได้เกิน 8 ลูก ในทุกๆ 5 เกม เราจะมอบเงินให้ 5 แสนบาท แต่ถ้ามีทีมทำได้มากกว่า 1 ทีม ก็จะหารเงินกัน ในช่วง 5 เกมแรก ไม่มีทีมใดที่มีนักเตะไทยทำประตูรวมกันได้ 8 ลูก เงินจึงมีการสะสม ทบมาในช่วงต่อมา จนการท่าเรือ เอฟซี กลายเป็นทีมแรก ที่มีนักเตะไทยทำประตูได้มากเกิน 8 ประตู ก็ต้องขอยินดีกับทีมการท่าเรือไว้ตรงนี้
ผมเชื่อว่าโครงการนี้จะกระตุ้นสโมสรให้เปิดโอกาสแก่นักเตะไทยมีโอกาสลงเล่น เพื่อให้ทีมมีโอกาสได้รับรางวัล และนี่ก็คือเหตุผลที่ทำให้เกิดโครงการ Thais Strike Back ขึ้น ถ้าช่วงใดไม่มีใครทำประตูได้ถึง 8 ประตู เงินก็จะทบขึ้นไปเรื่อยๆ ผมเชื่อว่าสโมสรจะให้ความสำคัญกับนักเตะไทยมากขึ้น เพื่อให้เขาสร้างประสบการณ์การเป็นผู้ทำประตู ซึ่งต้องขอบคุณทุกสโมสร
สมาคมมีเป้าหมายที่จะพัฒนายกระดับ โดยเฉพาะนักฟุตบอล ภายใต้โครงการ Thais Strike back โครงการนี้จะพัฒนาฝีเท้านักเตะขึ้นไปอีกระดับ ผมหวังว่าจะได้รับความร่วมมือจากทุกสโมสรที่เป็นสมาชิกสมาคมฯ ผมขออวยพรให้ทุกสโมสรมีโอกาสได้รับเงินก้อนนี้ เหมือนกับที่การท่าเรือได้รับครับ
ส่วน Mr.Benjamin Tan ที่ปรึกษาและผู้อำนวยการฝ่ายออกใบอนุญาตสโมสร ได้กล่าวว่า
ผมขอแสดงความยินดีกับการท่าเรือ เอฟซี ที่ได้รับโบนัสจากโครงการ Thais Strike Back ด้วยการยิง 11 ประตู ในเกมนัดที่ 6-10
ตอนนี้ก็อยู่ในช่วงของการนับสถิติรอบที่ 3 แล้ว ในช่วงเกมที่ 11-15 ซึ่งทีมที่นำก็คือราชบุรี มิตรผล เอฟซี และการท่าเรือ เอฟซี ที่ทำไป 2 ประตู
ในเกมนัดล่าสุดก็มีสถิติผู้เข้าชมเกมที่ดี สำหรับโคราชและบุรีรัมย์นั้นมีแฟนบอลไปที่สนามมากกว่า 25,000 คน และรวมกันทุกสนามในสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นจำนวน 67,000 คน ซึ่งเฉลี่ยอยู่ที่ 8,300 คน ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในฤดูกาลนี้ ต้องขอบคุณสโมสร สื่อมวลชน และแฟนบอลทุกคน
หลังกลางสัปดาห์ เราจะเข้าสู่ช่วงฟีฟ่า เดย์ และมีการจัดการแข่งคิงส์คัพ ในช่วงวันที่ 5-8 มิถุนายน ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีในการนำเกมระดับนานาชาติไปต่างจังหวัด เราพยายามขยายให้เกมระดับนานาชาติไปแข่งต่างจังหวัดมากขึ้น นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำไมเราถึงผลักดันอยากให้สโมสรร่วมมือกับกกท. และภาครัฐ ซึ่งจะช่วยพัฒนาสนามให้อยู่ในระดับ เอเอฟซี และ ฟีฟ่า
นอกจากนี้ ในงานยังมีการมอบรางวัลยอดเยี่ยมประจำเดือนเมษายน ซึ่งรางวัลประตูยอดเยี่ยมประจำเดือนตกเป็นของ “สุขพร วงษ์เชียงคำ” กองกลางทีมชาติลาว ของ “ชัยนาท ฮอร์นบิล” ในเกมพบกับ “เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด” ส่วนรางวัลผู้ฝึกสอนยอดเยี่ยมเป็นของ “จเด็จ มีลาภ” หัวหน้าผู้ฝึกสอนของ การท่าเรือ เอฟซี และรางวัลนักเตะยอดเยี่ยม เป็นของ “บดินทร์ ผาลา” ดาวเตะจากการท่าเรือ เอฟซี
Cr. ภาพ : Thai League