เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ฟ้า-ขาว อาร์เจนตินา ผงาดคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 3 ไปครองได้สำเร็จ หลังจากดวลจุดโทษเอาชนะแชมป์เก่า ตราไก่ ฝรั่งเศส 4-2 จากที่เสมอในเวลา 120 นาที 3-3 ในรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก ฟีฟ่า เวิลด์คัพ 2022 ที่ลูซาอิล สเตเดียม ประเทศกาตาร์ เมื่อคืนวันที่ 18 ธันวาคม
เกมนี้อาร์เจนตินาขึ้นนำก่อน 2-0 ในครึ่งแรกจากจุดโทษของ ลิโอเนล เมสซี่ นาทีที่ 23 และอังเคล ดิ มาเรีย นาทีที่ 36 แต่ฝรั่งเศสมาตามตีเสมอได้จาก คีเลียง เอ็มบัปเป้ ภายในเวลา 2 นาทีเท่านั้น จากจุดโทษนาทีที่ 80 และยิงอีกลูกในนาทีต่อมา ทำให้ต้องต่อเวลาพิเศษออกไป
ช่วงต่อเวลาพิเศษ อาร์เจนตินาขึ้นนำอีกครั้งจากเมสซี่ นาทีที่ 108 แต่ฝรั่งเศสไม่ยอม มาตีเสมอได้จากจุดโทษของเอ็มบัปเป้ นาทีที่ 118 และเป็นแฮตทริกของเจ้าตัว กลายเป็นนักเตะคนแรกในรอบ 56 ปี ที่ทำแฮตทริกในนัดชิงชนะเลิศได้ต่อจาก เซอร์ เจฟ เฮิร์สต์ ของทีมชาติอังกฤษ ทำไว้เมื่อปี 1966
ทำให้สุดท้ายแล้วเกมต้องตัดสินด้วยการดวลจุดโทษ เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ นายทวารฟ้า-ขาว โชว์เซฟลูกยิงของ คิงส์ลีย์ โคมัน กับทางด้าน ออเรเรียง ชูอาเมนี่ ยิงหลุดเสาไปเอง ในขณะที่ เมสซี่, เปาโล ดีบาล่า, เลอันโดร ปาเรเดส และกอนซาโล่ มอนเทียล ของอาร์เจนตินายิงเข้าทั้งหมด ให้ฟ้า-ขาวเอาชนะไปได้ 4-2 อาร์เจนตินาคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 3 ไปครอง ต่อจากปี 1987 และ 1986 จากการเข้าชิงชนะเลิศทั้งหมด 6 ครั้ง
จากการคว้าแชมป์โลกของอาร์เจนตินา ทำให้ ลิโอเนล เมสซี่ สุดยอดนักเตะเบอร์ 1 ของโลกในยุค เมื่อสามารถกวาดทุกแชมป์ที่เคยลงเล่นมาได้หมดแล้ว ประกอบไปด้วย แชมป์โลก (2022) แชมป์โคปา อเมริกา (2021) แชมป์ฟินาลิสม่า (2022) แชมป์เยาวชนโลก ยู-20 (2005) แชมป์ลาลีก้า สเปน 10 สมัย, แชมป์โกปา เดลเรย์ สเปน 7 สมัย, แชมป์ลีกเอิง ฝรั่งเศส 1 สมัย, แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 4 สมัย, แชมป์ยูฟ่า ซุปเปอร์คัพ 3 สมัย, แชมป์สโมสรโลก 3 สมัย นอกจากนี้ ยังมีรางวัลส่วนตัวที่เมสซี่คว้ามาครองได้คือบัลลงดอร์ ทั้งหมด 7 สมัยด้วยกัน